CASIO x CENTRAL INTERNATIONAL WATCH FAIR 2019
20 August’19 – 16 September’19 The Event Hall, 3rd fl, Central Chidlom | 20 August’19 – 8 October’19 The Watches Dept, every Central & ZEN
20 August’19 – 16 September’19 The Event Hall, 3rd fl, Central Chidlom | 20 August’19 – 8 October’19 The Watches Dept, every Central & ZEN
20 August’19 – 16 September’19 The Event Hall, 3rd fl, Central Chidlom | 20 August’19 – 6 October’19 The Watches Dept, every Central & ZEN
มีเพียง 5 เรือนในประเทศไทย จาก 300 เรือนทั่วโลก
สำหรับงานในปีนี้ G-SHOCK จัดเต็มด้วยการจำลองกลิ่นอายของโรงตีดาบ “กัซซัน” (GASSAN) ต้นตำหรับจากประเทศญี่ปุ่น เพื่อให้ผู้ที่เข้าชมได้สัมผัสถึงกลิ่นอายและเอกลักษณ์เฉพาะตัวของนาฬิกาไฮไลท์อย่าง MRG-G2000GA-1A จาก สินค้าระดับพรีเมี่ยมในกลุ่มของ MR-G (Majesty Reality G-SHOCK) โดยนาฬิการุ่นนี้ป็นรุ่นพิเศษที่เกิดจากความร่วมมือกับกัซซัน ตระกูลช่างตีดาบจักรพรรดิ์เก่าแก่ของประเทศญี่ปุ่น ที่สืบสานตำนานและฝีมือจากรุ่นสู่รุ่นมานานกว่า 800 ปี และได้มีการผลิตเพียง 300 เรือนทั่วโลกเท่านั้น ตัวเรือนผลิตจากวัสดุที่ขึ้นรูปจากไทเทเนียม ที่มีความแข็งแกร่ง และยังมาพร้อมกับผิวสัมผัสที่สวยงามหรูหรา ผ่านทักษะของช่างฝีมือที่สร้างสรรค์คุณลักษณะของดาบอันประณีต
นาฬิกา G-SHOCK MR-G Series รุ่น MRG-G2000GA-1A มาพร้อมกับกรอบ COBARION® ที่มีลวดลายของ Kissaki ปลายดาบพร้อมตัวเรือนไทเทเนียมที่ผ่านกระบวนการรีคริสตัลไลซ์ ซึ่งให้ความรู้สึกเสมือนลายคลื่นบนตัวดาบ และ เทคนิคการลงสีแบบญี่ปุ่นดั้งเดิม ผสมผสานกับเทคนิคการเคลือบ AIP® (Arc Ion Plating) สีม่วงเข้ม สีของเครื่องแต่งของชนชั้นสูงของประเทศญี่ปุ่น ที่ให้ลุคของเหล็กร้อนขึ้นรูปโดดเด่นด้วยตัวเรือนและกรอบ COBARION® ที่ตัดกันอย่างลงตัวกับสายไทเทเนียมที่แข็งแรงที่ได้รับการออกแบบให้มีลักษณะเฉพาะตัวของ Nakago ด้ามดาบ)ช่วงกลางของสายมีลาย Yasurime ที่รังสรรค์เองด้วยมือของช่างตีดาบ Sadanobu Gassan (รอยบาก) จึงได้มาซึ่งสายนาฬิกาที่คงไว้ทั้งพลังและความงดงามของดาบตีมือญี่ปุ่น สะท้อนให้เห็นถึงความใส่ใจในรายละเอียดที่หลอมรวมอยู่ในงานฝีมือดั้งเดิมของญี่ปุ่นและเทคโนโลยีขั้นสูง
ในแง่ของคุณสมบัติ MRG-G2000GA-1A มาพร้อมเทคโนโลยีระบบปรับเวลาที่สามารถรับข้อมูลได้ผ่าน Bluetooth®, สัญญาณ GPS และสัญญาณเวลา พร้อมทั้งคุณสมบัติและฟังก์ชั่นอันทรงพลังอื่นๆ อีกทั้งยังมีระบบ GPS Hybrid ที่ควบคุมด้วยคลื่นวิทยุและขับเคลื่อนด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ ผสมผสานกับระบบการชาร์จไฟเอกลักษณ์ด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ของ CASIO เอง จึงทำให้ผู้ใช้สามารถหาตำแหน่งด้วยการใช้ระบบกำหนดตำแหน่งบนพื้นโลก (GPS) และการรับสัญญาณเทียบเวลามาตรฐานทั่วโลกได้อย่างแม่นยำ
นาฬิการุ่นพิเศษที่สร้างสรรค์จากงานฝีมือด้านการตีดาบรุ่นนี้มีจำหน่ายเพียง 300 เรือนทั่วโลก
มีเพียง 5 เรือนในประเทศไทยเท่านั้น ราคา 320,000 บาท
พิเศษสุด สำหรับงาน เซ็นทรัล อินเตอร์เนชั่นแนล วอทช์ แฟร์ 2019 ลูกค้าที่ซื้อนาฬิกา MRG-G2000GA-1ADR “GASSAN” จะได้รับเครื่องดูดฝุ่นไร้สาย dyson รุ่น V10 ABSOLUTE BIG BIN มูลค่า 23,900 บาท
SHOCK RESISTANT STRUCTURE | G-SHOCK IN A VINTAGE LOOK.
งานนี้ผู้เข้าชมยังจะได้พบกับนาฬิการุ่นใหม่จากซีรีย์ Full Metal The ORIGINS ที่ทุกคนตั้งตารออย่าง Full Metal Aged IP GMW-B5000V รุ่นพิเศษ ซึ่งมาพร้อมกับดีไซน์เอกลักษณ์ทรงสี่เหลี่ยม Origin พร้อมลุควินเทจ ด้วยสี Black Aged IP ที่โดดเด่นแบบไม่เหมือนใคร รวมไปถึงฝาหลังแบบขันสกรูพร้อมพื้นผิวเคลือบคาร์บอนคล้ายเพชร (DLC) เพื่อให้มีความทนทานต่อรอยขีดข่วนที่ยอดเยี่ยม เป็นลักซ์ชัวรี่ไอเทม ที่เท่ห์แบบไร้กาลเวลา
นอกจากดีไซน์สุดวินเทจที่ผสมผสานกับเทคโนโลยีสุดทันสมัย ผู้ใช้ยังสามารถเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน เพื่อตั้งค่าเวลารอบโลกสำหรับ 300 เมืองและ การตั้งค่าระบบที่ง่ายดาย การแจ้งเตือน เวลาและสถานที่ ตัวค้นหาโทรศัพท์ รวมถึงตัวแสดงระดับแบตเตอรี่แบบ 7 ระดับ MULTIBAND 6 เพื่อปรับการตั้งค่าเวลาอัตโนมัติโดยอิงจากการรับสัญญาณเทียบเวลามาตรฐานจากหนึ่งในหกสถานีที่กระจายอยู่ทั่วโลก นอกจากนี้ยังมีโซลาร์เซลล์แบบแผ่นฟิล์มและ STN-LCD พร้อมกับไฟ LED อัตโนมัติเต็มรูปแบบที่ให้ความสว่างสูง เพื่อให้อ่านข้อมูลได้ชัดเจนทุกมุมมอง
CARBON G-SHOCK The Third Material
รุ่นไฮไลท์อีกรุ่นที่พลาดไม่ได้ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งความภาคภูมิของ G-SHOCK ได้แก่ MUD MASTER GG-B100-1A Carbon Core Guard ที่สุดแห่งนาฬิกาอัจฉริยะสำหรับกิจกรรมเอ้าท์ดอร์และสายลุย ส่งตรงจากงานนาฬิกาที่ใหญ่ที่สุดในโลกอย่าง บาเซิลเวิลด์ 2019 (Baselworld 2019) ที่ได้รับการออกแบบและปรับแต่งให้ทนทานต่อสภาพแวดล้อมที่ทรหด นวัตกรรมใหม่โครงสร้างตัวเรือนผลิตจากวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์และเรซินที่ ซึ่งมีความแข็งแรงกว่าเหล็กกว่า 10 เท่า เบากว่า 4 ถึงเท่า เพื่อป้องกันตัวเรือนจากสภาพแวดล้อมการใช้งานแบบทรหดรวมถึงการกระแทกอื่นๆ อีกด้วย
MUD MASTER GG-B100-1A มีฝาหลังแบบคู่อีกทั้งยังทำจากวัสดุสแตนเลสสตีลและฝาด้านนอกทำจากเรซินคุณภาพดี ป้องกันแรงกระแทกได้อย่างดีและยังมีการฝังด้วยไฟเบอร์ใยแก้ว ชั้นบนสุดมีลักษณะโปร่งแสงทำให้มองเห็นวัสดุคาร์บอนที่ฝังอยู่ได้อย่างชัดเจน รวมถึงเซนเซอร์สี่ตัวที่ทำงานโดยใช้เซนเซอร์ขนาดกะทัดรัดที่บรรจุเข็มทิศ มาตรวัดบอกความสูง บารอมิเตอร์ และอุณหภูมิได้ นอกจากนี้ยังมาพร้อมด้วยฟังชั่นใหม่ Steptracker ซึ่งช่วยนับก้าวและ Track การเดินทางผ่าน GPS ของสมาร์ทโฟนเพื่อรองรับกิจกรรมที่หลากหลาย ผู้ใช้สามารถเชื่อมนาฬิกาเข้ากับแอป G-SHOCK เพื่อการตั้งค่านาฬิกาที่ง่ายขึ้น MUD MASTER GG-B100-1A Carbon Core Guard จึงเป็นรุ่นที่สายลุยไม่ควรพลาดกับ Fectures&Function ที่แพคมาเต็มพิกัดพร้อมลุยกับคุณไปทุกสถานะการณ์
Absolute Toughness
G-SHOCK นาฬิกาที่สร้างมาตรฐานด้านความทนทานของนาฬิกามาตั้งแต่ปี 1983
ขอแนะนำคอลเลคชั่นนาฬิการุ่นอะนาล็อก-ดิจิตอลที่มีรุ่นต้นแบบคือซีรีส์ GA แต่จะมีดีไซน์หน้าปัดและเข็มใหม่ และนำดีไซน์ตัวเรือนขนาดใหญ่ซึ่งได้รุ่นต้นแบบมาจากรุ่น GA-100 แสนคลาสสิก ลวดลายบนหน้าปัดได้รับแรงบันดาลใจจากชิ้นส่วนเครื่องสเตอริโอหรือเครื่องเล่นเพลงขนาดพกพาในยุค 90 ซึ่งผ่านการปรับปรุงให้ดูทันสมัยและโดดเด่นมากขึ้น ขณะเดียวกันยังรักษาความแข็งแรงทนทานตามแบบฉบับของ G-SHOCK ไว้
- ตัวจับเวลาละเอียด 1/1000 วินาที
- การวัดความเร็ว
- ทนทานต่อคลื่นแม่เหล็กในระดับมาตรฐาน ISO 764
NEW COLLECTION
NEW Collection ‘MSG-C100 Series’ จากแบรนด์น้องใหม่มาแรงอย่าง G-MS (จี-มิส) ที่ดีไซน์ขึ้นเพื่อตอบโจทย์ความหลากหลายด้านไลฟ์สไตล์ของผู้หญิงยุคใหม่โดยเฉพาะ เพราะสามารถมิกซ์แอนด์แมทช์ได้กับทุกลุค จึงเหมาะสำหรับสาวๆ ที่ต้องการนาฬิกาที่มีความสวยงาม หรูหรา คล่องตัว ทั้งยังทนทานและสามารถกันน้ำลึกได้ถึง 100 เมตร
เพื่อสร้างดีไซน์ที่โดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว สายของ G-MS รุ่นใหม่นี้มาพร้อมกับลวดลายผ้าญี่ปุ่น แลดูสวยงามเพิ่มคุณค่าบนข้อมือของสาวๆ อย่างลงตัว โดยนาฬิการุ่นนี้ มีกรอบให้เลือก 2 แบบ คือสีพิงค์โกลด์ของรุ่น MSG-C100G และสีเงินในรุ่น MSG-C100 ทั้งยังมีการแสดงผลดิจิตอลสองจอในหน้าปัดเดียวกันที่แสดงวันที่ปัจจุบัน วันในสัปดาห์ ข้อมูลเวลาโลก และอื่นๆ อีกมากมาย
High Spec Chronograph
Speed and Intelligence
นาฬิกาไฮไลท์รุ่นสุดท้ายที่ออกแบบมาเพื่อความบางเบาโดยเฉพาะได้แก่ EDIFICE SLIM SERIES EQB-1000 ของ CASIO ถึงแม้จะบางเฉียบแต่ยังอัดแน่นด้วยฟังชั่น เวลาแบบโครโนกราฟพร้อมระบบปฏิบัติการด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ อีกทั้งยั้งสามารถเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนของผู้ใช้แบบไร้สายสำหรับเวลาที่เที่ยงตรง ไม่ว่าจะผ่านระบบ Bluetooth® หรือผ่านแอพพลิเคชั่น EDIFICE Connected ทำให้ EQB-1000 เป็นนาฬิกาที่มีฟังก์ชันที่หลากหลายแต่ทำงานเรียบง่ายในดีไซน์ที่บางขึ้น ตัวเรือนที่บางลง 30% จากรุ่นที่แล้วจนเหลือเพียง 8.9 มิลลิเมตรเท่านั้น จึงทำให้ EQB-1000 ได้กลายเป็นนาฬิกาที่บางที่สุดของ EDIFICE
ในแง่ของคุณสมบัติ EQB-1000 สามารถแสดงเวลาได้ 2 ระบบ โดยสลับกันระหว่างเวลาของเมืองที่อาศัยอยู่กับเวลาโลก ซึ่งสามารถเปลี่ยนได้ผ่านการกดปุ่ม อีกทั้งยังมีนาฬิกาปลุกที่สั่งการทำงานได้ทุกวัน และกันน้ำลึกถึง 100 เมตร เมื่อผู้ใช้เชื่อมต่อเข้ากับแอพพลิเคชัน EDIFICE Connected ผู้ใช้สามารถดึงข้อมูลการจับเวลา รวมถึงการตั้งเวลาอัตโนมัติ ตัวค้นหาโทรศัพท์ และการตั้งค่าเวลารอบโลกสำหรับ 300 เมือง เพื่อความเชื่อมั่นต่อเวลาที่เที่ยงตรงและโดดเด่นด้วยหน้าปัดสีเขียวฟ้า ชัดเจน ผ่านกระจก Sapphire crystal ที่โปร่งใสแต่เกิดรอยได้ยาก