Casio G-SHOCK G-STEEL x Bluetooth GST-B100 Model

เปิดตัวรุ่นใหม่ล่าสุดของซีรี่ส์ G-STEEL (จี-สตีล) นาฬิกาที่โดดเด่นด้วยโครงสร้างชั้นเกราะของตัวเรือนซึ่งเป็นการประสานรวมวัสดุต่างชนิดเข้าไว้ด้วยกัน นาฬิการุ่น GST-B100 และ GST-B100D มากับการแสดงค่าจับเวลาด้วยเข็มอนาล็อกพร้อมหน้าปัดแสดงค่าขนาดใหญ่ที่มีดีไซน์โดดเด่นเฉพาะตัว เช่นเดียวกับ GST-B100X ซึ่งเป็นนาฬิกา สเปเชี่ยล เอดิชั่น รุ่นพิเศษที่เปิดตัวออกมาพร้อมกัน

รุ่น GST-B100 และ GST-B100D คือ นาฬิการุ่นแรกสุดของซีรี่ส์ G-STEEL ที่มาพร้อมกับการแสดงค่าจับเวลาด้วยเข็มอนาล็อก ทั้งยังได้ออกแบบหน้าปัดแสดงค่า ณ ตำแหน่ง 9 นาฬิกาให้มีความองอาจงดงามด้วยลักษณะใบพัดเทอร์ไบน์ของเครื่องยนต์เครื่องบินเจ็ท หน้าปัดนี้จะเคลื่อนหมุนเพื่อทำหน้าที่แสดงการทำงานของนาฬิกาจับเวลา แสดงการเปิด/ปิดฟังก์ชั่นตั้งปลุก หรือแสดงระดับพลังงานของแบตเตอรี่ โดยการเคลื่อนหมุนของชุดการแสดงค่าขนาดใหญ่ของนาฬิการุ่นนี้เป็นหน้าที่ของมอเตอร์กำลังสูงแบบ ดูอัล คอยล์ ลักษณะการเคลื่อนหมุนของชุดแสดงค่าบนหน้าปัดและดีไซน์หน้าปัดจับเวลาแบบสามมิติเช่นนี้ได้สร้างความโดดเด่นแบบเฉพาะตัวให้กับ G-SHOCK รุ่นนี้ได้เป็นอย่างดี

นาฬิการุ่นนี้ มาพร้อมกับระบบ คอนเน็คเต็ด เอ็นจิ้น ซึ่งทำหน้าที่เชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ข้อมูลเวลาของระบบอินเตอร์เน็ต ผ่านทางโทรศัพท์แบบสมาร์ทโฟน เพื่อให้สามารถแสดงเวลาได้อย่างถูกต้องแม่นยำไม่ว่าจะอยู่ที่ใดในโลก นอกจากนี้ผู้ใช้งานยังสามารถปรับตั้งเวลาเรียกปลุกและปรับตั้งให้แสดงเวลาของเมืองต่างๆ ทั่วโลก (เวลาเวิลด์ไทม์) ได้จากแอพพลิเคชั่นที่ติดตั้งบนสมาร์ทโฟน ทั้งยังมีคุณลักษณะการใช้งานอันเป็นประโยชน์อีกมากมายซึ่งรวมถึง ระบบทัฟโซลาร์ พลังงานแสง ประสิทธิภาพสูงของ คาสิโอ ระบบไฟ แอลอีดี ที่ให้ความสว่างสูง และหน้าปัดแสดงเวลาชุดที่สอง สำหรับแสดงเวลาเวิลด์ไทม์

นาฬิการุ่นใหม่นี้ ใช้โครงสร้างชั้นเกราะของตัวเรือนรูปแบบล่าสุด ซึ่งยังคงคุณลักษณะเด่นของซีรี่ส์ G-STEEL อันเป็นการประสานวัสดุโลหะเข้ากับเรซิ่นเพื่อรองรับแรงสะเทือนเอาไว้ แต่มีการปรับปรุงให้ตัวเรือนมีขนาดบางลงด้วยการรวมชิ้นส่วนวัสดุเรซิ่นต้านทานแรงสะเทือนเข้าไปในชิ้นตัวเรือน และมีการนำเทคโนโลยีเสริมความหนาแน่นมาใช้เพื่อลดขนาดของชิ้นส่วนต่างๆ ทั้งนี้ก็เพื่อให้สวมใส่นาฬิกาได้สบายและกระชับข้อมือยิ่งขึ้น

สำหรับ GST-B100X ซึ่งเป็นรุ่นพิเศษ สเปเชี่ยล เอดิชั่น นั้น ได้นำเอาวัสดุคาร์บอนเข้ามาเป็นส่วนผสมของขอบตัวเรือน โดยใช้ คาร์บอนไฟเบอร์ TORAYCA® (โทเรย์คา) และ เรซิ่น NANOALLOY® ซึ่งเป็นวัสดุที่สร้างขึ้นจากเทคโนโลยีอันล้ำสมัยของ บริษัท โทเรย์ อินดัสตรี้ส์ มารวมเข้าด้วยกัน เพื่อให้เกิดเป็นวัสดุที่มีทั้งความทนทานแรงสะเทือนเป็นเลิศและความสวยงามในขณะเดียวกันซึ่งเสริมสร้างบุคลิกอันโดดเด่นให้กับวงขอบตัวเรือนและดีไซน์โดยรวมของนาฬิกาได้อย่างยอดเยี่ยม อีกทั้งกระจกหน้าปัดยังผลิตขึ้นจากแซฟไฟร์คริสตัลที่ทนทานต่อการขีดข่วนและมีความกระจ่างใสเป็นเลิศเพื่อให้อ่านค่าบนหน้าปัดได้อย่างชัดเจน นาฬิการุ่นพิเศษนี้จึงเพียบพร้อมทั้งในด้านความทนทานและความงดงาม

สำหรับขนาดตัวเรือนนั้นมากับเส้นผ่าศูนย์กลาง 53.8 มิลลิเมตร Lug-to-Lug 58.1 มิลลิเมตร และหนา 14.1 มิลลิเมตร โดยตัวโมดุลยังไม่เปิดเผยรหัส แต่จะมากับระบบ CEM หรือ Connected Engine Module ในการเชื่อมต่อกับ  Application บน Smartphone ผ่านทาง Bluetooth และทุกรุ่นใช้กระจกแบบ Sapphire

ในแง่ของฟังก์ชั่นการทำงานก็มีทั้งการเชื่อมต่อในการปรับเวลามากกว่า 300  เมืองทั่วโลกผ่านทางสัญญาณจาก Smartphone สามารถปรับเวลาอัตโนมัติได้ 4 ครั้งต่อวัน และระบบปฏิทินอัตโนมัติ ตัวสัญยาณ Bluetooth สามารถเชื่อมต่อได้ในระยะ 2 เมตร แถมยังใช้พลังงานแสงในระบบ Tough Solar โดยน้ำหนักของแต่ละรุ่นจะอยู่ที่ 185 กรัมสำหรับรุ่นสายเหล็ก และ 101 กรัมสำหรับรุ่นสายยาง

นาฬิกา G-SHOCK รุ่นล่าสุดนี้ เป็นการนำเสนอการใช้วัสดุที่หลากหลายในรูปแบบเฉพาะตัวและลักษณะการแสดงค่าแบบเคลื่อนหมุนอันแสนโดดเด่น ไปพร้อมกับการเพิ่มพูนคุณประโยชน์การใช้งานด้วยขนาดตัวเรือนที่สวมใส่ได้กระชับสบายยิ่งขึ้นและความสามารถในการแสดงเวลาได้อย่างถูกต้องแม่นยำไม่ว่าจะอยู่ที่ใดในโลก

PROMOTIONAL TVC