MAGMA OCEAN

G-SHOCK 35th Anniversary

“MAGMA OCEAN COLLECTION”
จัดจำหน่ายทั่วประเทศในเดือนพฤศจิกายน นี้  ที่ร้าน G-SHOCK CASIO, WatchStation ห้างสรรพสินค้าชั้นนำ ตลอดจนตัวแทนผู้จัดจำหน่ายอย่างเป็นการ **สอบถามรายละเอียด ณ จุดจำหน่าย**

คอลเลคชั่นที่ 6 MAGMA OCEAN มากับคุณลักษณะอันโดดเด่นด้วยการนำสีดำอันเป็นสีสัญลักษณ์ของแบรนด์ร่วมกับสีแดงมาใช้เป็นสีพื้นฐาน ขับเน้นความงามด้วยสีทองโรสโกลด์ และเยลโลว์โกลด์ อันเรืองรอง เพื่อเฉลิมฉลองวาระครบ 35 ปี สีสันเช่นนี้เป็นการนำลักษณะมาจากมหาสมุทรแมกมา ที่ปกคลุมโลกในขณะที่โลกกำลังก่อตัว ดีไซน์เช่นนี้เหมือนเป็นการหวนกลับไปสู่จุดกำเนิดของแบรนด์ G-SHOCK ทั้งยังเป็นการประกาศถึงความมุ่งมั่นของ คาสิโอ ที่จะดำเนินการสร้างสรรค์คุณค่าใหม่ๆ ให้กับ G-SHOCK อย่างต่อเนื่องต่อไป

สามรุ่นที่นำมาเป็นพื้นฐานในการสร้างสรรค์คอลเลคชั่น MAGMA OCEAN ได้แก่ MTG-B1000 ที่เป็นการยกระดับคุณสมบัติของโลหะและเรซิ่น, RANGEMAN (เรนจ์แมน) GPR-B1000 ที่ถูกออกแบบเพื่อให้เป็นที่สุดแห่งความทนทาน และ FROGMAN (ฟรอกแมน) GWF-1000 นาฬิกาดำน้ำที่มีวิวัฒนาการอย่างต่อเนื่อง

คาสิโอ เปิดตัว FROGMAN รุ่นแรกเมื่อปี 1993 ดังนั้นเพื่อเป็นเกียรติแก่วาระครบ 25 ปีในปี 2018 นี้ สัญลักษณ์ภาพกบในรูปแบบเฉพาะตัวอันเป็นที่คุ้นเคยจึงปรากฏอยู่บนบริเวณต่างๆ ของ GWF-1035F โดยมีทั้งที่ปรากฎอย่างชัดเจนและปรากฏอย่างแนบเนียน ซึ่งทำให้ผู้ใช้งานเกิดความสนุกในการพยายามมองหาสัญลักษณ์กบทั้งหมดที่อยู่บนนาฬิกา

ทั้งสามรุ่นมากับฝาหลังที่ได้รับการสลักตราสัญลักษณ์เพื่อบ่งบอกว่าเป็นรุ่นฉลองครบ 35 ปี และทุกรุ่นมาพร้อมกับกล่องบรรจุที่ผลิตขึ้นเพื่อเป็นที่ระลึก

พบกันได้ทั่วประเทศเดือนพฤศจิกายน นี้ ตั้งแต่วันที่ 20 เป็นต้นไป ที่ร้าน G-SHOCK CASIO, WatchStation ห้างสรรพสินค้าชั้นนำ ตัวแทนผู้จัดจำหน่ายอย่างเป็นทางการทั่วประเทศ **สอบถามรายละเอียด ณ จุดขาย**

GLACIER GOLD

G-SHOCK 35th Anniversary

“GLACIER GOLD COLLECTION”
จัดจำหน่ายทั่วประเทศในเดือนตุลาคม นี้  ที่ร้าน G-SHOCK CASIO, WatchStation ห้างสรรพสินค้าชั้นนำ ตลอดจนตัวแทนผู้จัดจำหน่ายอย่างเป็นการ **สอบถามรายละเอียด ณ จุดจำหน่าย**

คอลเลคชั่นที่ 5 มาพร้อมในชื่อชุด ‘เกลเชอร์ โกลด์ (35th Anniversary GLACIER GOLD)’ เป็นธีมหลักของนาฬิกาชุดนี้ เน้นความใสของตัวเรือนนาฬิกาโดยในเซ็ทดังกล่าวนี้ มาพร้อมด้วยกัน 4 ุรุ่น โดยพัฒนามาจากโมเดลรุ่นดังกล่าวคือ  GA700, GA800, DW5000 กับ DW5750 ที่มาในรหัสเฉพาะกิจ GA735E-7A, GA835E-7A, DW5035E-7A และ DW5735E-7A

ชิ้นวงขอบตัวเรือน ตัวเรือน และสาย ของนาฬิกาเหล่านี้ได้รับการสร้างขึ้นจากวัสดุกึ่งโปร่งใสด้วยลักษณะการออกแบบที่จาแลงลักษณะลวดลายซึ่งเป็นการผสานสภาวการณ์อันสุดแสนทรหดที่คุณอาจประสบพบเจอบนธารน้าแข็งรวมเข้ากับภาพลักษณ์แห่งความแข็งแกร่งทนทานของ G-SHOCK ที่สามารถยืนหยัดได้ในสภาวการณ์เช่นนั้น

รูปแบบกึ่งโปร่งใส ถูกนามาใช้ครั้งแรกเมื่อ ค.ศ. 1996 ในบรรดารุ่น Dolphin & Whale (ดอลฟิน แอนด์ วาฬ) และความนิยมที่แพร่หลายไปทั่วโลกของดีไซน์การออกแบบนี้ก็ทาให้นาฬิการุ่นนี้กลายเป็นอีกหนึ่งจุดพลิกผันสาคัญในประวัติศาสตร์ของ G-SHOCK

หน้าปัด ตัวล็อคสาย ปุ่มกด ชิ้นสกรูว์ แผ่นฝาหลัง และชิ้นส่วนอื่นๆ ได้รับการตกแต่งด้วยการเคลือบไอออนทอง (ไอพี) ความโปร่งใสระดับสูงของวัสดุเรซิ่นกึ่งโปร่งใสได้ส่งเสริมให้สีทองเหล่านี้ก่อกาเนิดเป็นดีไซน์การออกแบบอันงดงามที่เหมาะสมและคู่ควรกับดีไซน์การออกแบบสุดพิเศษสาหรับวาระครบรอบ 35 ปี

พบกันได้ทั่วประเทศเดือนตุลาคม นี้ ที่ร้าน G-SHOCK CASIO, WatchStation ห้างสรรพสินค้าชั้นนำ ตัวแทนผู้จัดจำหน่ายอย่างเป็นทางการทั่วประเทศ **สอบถามรายละเอียด ณ จุดขาย**

ORIGIN GOLD

G-SHOCK 35th Anniversary

สำหรับคอลเล็กชั่นที่ 4 ที่ได้มีการเผยโฉมครั้งแรกในงาน  BASEL WORLD 2018 งานนาฬิกาหรูระดับโลก จัดขึ้นที่ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ที่ผ่านมา และเป็นที่พูดถึงรวมถึงได้รับความสนใจจากสื่อมวลชนเป็นอย่างมาก มาในชื่อชุดอย่างเป็นทางการ  “ORIGIN GOLD COLLECTION”  ซึ่งในชุดพิเศษนี้มีทั้งหมด 3 โมเดล คือ DW-5035D-1B, DW-5735D-1B และ GF-8235D-1B  มาในลักษณะธีมสีดำทอง เรียบง่าย ทั้งปุ่ม บัคเคิลและตัวสายรัด จะเป็นสีทอง รวมถึงฟอนต์บนตัวเรือนอีกด้วย และหน้าจอสีเหลืองทอง ยกเว้นโมเดล DW-5035D-1B ที่เป็นหน้าจอที่เทา

จำหน่ายพร้อมกันทั่วประเทศอย่างเป็นทางการ

18.05.18

RED OUT COLLECTION

Featuring the Symbolic Red Brand Color

2018 กับคอลเล็กชั่นที่ 3 ในชุดเฉลิมฉลอง G-SHOCK 35th Anniversary มาในธีมสีแดงเป็นสีหลัง ในชื่อว่า ‘RED OUT’ โดยในเซ็ทนี้มีทั้งหมด 5 โมเดล แต่มีเพียง 4 โมเดลที่ขายทั่วโลก

ความพิเศษของคอลเล็คชั่นนี้ เป็นการนำรุ่นอมตะในตำนาน มาด้วยสีแดงอ่อน จะมีจำหน่ายด้วยกัน 4 รุ่นหลักคือ DW5635C-4 ตามด้วย DW5735C-4, DW6935C-4 และ GA735C-4A   และอีก 1 รุ่นที่จำหน่ายเฉพาะประเทศญี่ปุ่น AWG-M535C-4AJR  ในส่วนของหน้าจอก็จะมีโทนสีแดง Red-Tinted LCD มาพร้อมพร้อมปุ่มกดสีดำ เช่นเดียวกันกับตัวรัดสายและเข็มขัดรัดสาย

สิ่งที่น่าสนใจสำหรับในคอลเล็คชั่นนี้คือการที่มีการนำโมเดลรุ่นคลาสสิคกลับมาอีกครั้งโดยเฉพาะ DW-5735C-4 ซึ่งใช้โมเดลต้นแบบ DW-5750 ซึ่งโมเดลต้นแบบนี้ถูกพัฒนามาจากโมเดล DW-5400 ที่ G-SHOCK ได้ผลิตเป็นหน้ากลมครั้งแรกแรกในปี 1985 มาใช้ และที่สำคัญ DW-5700  เป็นโมเดลหน้ากลมหน้าสุดท้ายที่ทาง G-SHOCK ได้ผลิตมานั้นก็จะเป็นโมเดลเมื่อ 25 ปีทีแล้ว  มาในครั้งนี้จึงถือเป็นโอกาสอันสุดพิเศษที่ได้มีการหวนคืนกลับมาอีกทีในชุดพิเศษ จึงไม่ควรพลาดอย่างยิ่ง

ALL RED OUT Collection – JAPAN

GOLD TORNADO COLLECTION

Special Models Featuring Brilliant Gold Color Accents

ชุดไฮไลท์เซ็ทที่ 2 เฉลิมฉลอง 35 ปี G-SHOCK ‘Gold Tornado Series’  มาในคอนเซปต์ ดำทอง ผลงานพรีเมี่ยมสุดมาสเตอร์พีช กับโมเดลสุดเทพ Gravitymater GPW-2000TFB-1A,  G-Steel GST-B100TFB-1A และ Frogman GWF-D1035B-1

ในส่วนของสีที่นำมาใช้ จะเป็น 3 สี คือ ทอง-ดำ และแดง ถูกนำมาใช้ในการตกแต่งตัวเรือนอย่างมีความหมายและมีความลงตัวพรีเมี่ยม ซึ่งมีการตกแต่งและเลือกใช้อย่างเหมาะสมและช่วยทำให้ตัวเรือนดูสวยสะดุดตาขึ้นมา ซึ่งแต่ละสีก็มีที่มา อย่างทอง หมายถึงช่วงเวลาแห่งความสำเร็จของ G-SHOCK ซึ่งจะมีอายุครบ 35 ปีเต็มในเดือนเมษายน 2018 ส่วนสีดำและแดง คือ ธีมสีมาตรฐานที่ G-SHOCK นำมาใช้อย่างต่อเนื่องและตลอดเวลา

สำหรับ 3 รุ่นพรีเมี่ยมา คือ GWF-D1035B ซึ่งเป็นการจับเอา Frogman ตัวล่าสุดที่มีมาตรวัดระดับความลึก หรือ Depth Meter มาเพิ่มความสวยงาม ตามด้วยนาฬิกา 3-Way Connected อย่าง GPW-2000TFB Gravitymaster และปิดท้ายด้วยคอลเล็กชั่นล่าสุด G-Steel ที่เชื่อมต่อบลูธูทได้อย่าง GST-B100TFB

นอกจากนั้นที่ฝาหลังก็จะมีการสลักใหม่เป็นโลโก้ของ 35 ปีที่ออกแบบโดย Eric Haze ขณะที่กล่องก็มีการออกแบบใหม่ให้แตกต่างจากเวอร์ชันแรกอีกด้วย ซึ่งมีความพรีเมี่ยมไม่แพ้กัน

BIG BANG BLACK COLLECTION

ในที่สุด G-SHOCK เผยโฉมล็อตนาฬิกาเซ็ทแรกมายั่วน้ำลายกันก่อนที่ญี่ปุ่น ในเวอร์ชั่นฉลอง 35th Anniversary ออกมาแล้ว ในชื่อธีม ‘BIG BANG BLACK Collection’ ที่ใช้นาฬิกาจาก 5 โมเดล ประกอบไปด้วย 5 รุ่นข้างล่างนี้ และมีรุ่นจากตระกูล GA800 รวมอยู่ด้วย ซึ่งรุ่นซีรี่ยส์ดังกล่าวยังไม่มีแผนจำหน่ายแม้จะเป็นที่ประเทศญี่ปุ่นก็ตาม แต่มีมาให้เห็นเป็นครั้งแรกกับในการครบรอบครั้งนี้ด้วยครับ

  GA-135A   GG-1035A   GW-5035A (Only at JAPAN)   GA-735A   GA-835A 

ถือเป็นการเปิดตัวครั้งแรกของคอลเล็กชั่นนี้ ซึ่งในปีหน้า G-SHOCK จะมีอายุครบ 35 ปี นับจากเปิดตลาดในปี 1983

โดยรุ่นที่จำหน่าย GA135 มาจากรุ่น GA110,  GA735A มาจากรุ่น GA700, GA835 มาจากรุ่น GA800 และ GG1035 มาจากรุ่น GG1000 หรือ Mudmaster รุ่นเล็ก และมีรุ่นที่พิเศษเพิ่มขึ้นมาเฉพาะตลาดญี่ปุ่น คือ GW5035 ที่มาจากรุ่น GW5000

ซึ่งทุกรุ่นจะมากับตัวเรือนสีดำด้าน พร้อมฝาหลังที่มีโลโก้พิเศษ ที่ผลิตขึ้นมาสำหรับรุ่นฉลอง 35 ปีที่ได้รับการออกแบบโดย Eric Haze พร้อมกล่องพิเศษที่สวยสะดุดตามาก ควรค่าต่อการสะสม

แน่นอนว่าความมันส์ จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในปีหน้า 2018 จะเป็นอย่างไรนั้น แล้วคอยติดตามข่าวสารจากทางเรากันนะครับ